ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นในทุกบ้าน ช่วยถนอมอาหารให้สดใหม่และยืดอายุการเก็บรักษา แต่หลายครั้งที่เราพบปัญหาตู้เย็นไม่เย็น จนทำให้อาหารเสียหาย เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และสิ้นเปลืองค่าไฟโดยเปล่าประโยชน์ มาทำความเข้าใจสาเหตุของปัญหาตู้เย็นไม่เย็นและวิธีแก้ไขเบื้องต้นที่เราสามารถทำได้เองกัน
10 สาเหตุตู้เย็นไม่เย็น ทำของในตู้เสียง่าย
หากเราสังเกตว่าตู้เย็นทำความเย็นได้น้อยลงหรือไม่เย็นเลย อาจเกิดจากหลายสาเหตุที่เราควรรู้ ตั้งแต่ปัญหาเล็กน้อยที่แก้ไขได้เองไปจนถึงปัญหาใหญ่ที่ต้องเรียกช่าง การรู้สาเหตุจะช่วยให้เราวินิจฉัยและแก้ไขได้ตรงจุด ลองมาดูสาเหตุหลักที่ทำให้ตู้เย็นไม่เย็นกัน
คอมเพรสเซอร์ทำงานผิดปกติ
คอมเพรสเซอร์เป็นหัวใจสำคัญของตู้เย็น ทำหน้าที่อัดน้ำยาให้เกิดการระบายความร้อนและดูดความเย็น เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงานผิดปกติ ตู้เย็นจะไม่สามารถทำความเย็นได้ สังเกตง่ายๆ จากเสียงการทำงานที่ดังผิดปกติหรือเงียบหายไปเลย ในกรณีนี้ให้ลองถอดปลั๊กตู้เย็นทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วเสียบใหม่ หากยังไม่ดีขึ้น อาจเกิดจากรีเลย์สตาร์ทเตอร์เสีย หรือตัวคอมเพรสเซอร์เสียหาย ซึ่งจำเป็นต้องเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบและซ่อมแซม
น้ำยาแอร์ในระบบรั่วหรือหมด
น้ำยาแอร์หรือสารทำความเย็นเป็นตัวกลางสำคัญในการถ่ายเทความร้อนและสร้างความเย็น เมื่อน้ำยารั่วหรือหมด ตู้เย็นจะไม่สามารถทำความเย็นได้อย่างเหมาะสม สังเกตได้จากอุณหภูมิในตู้เย็นที่ไม่ลดลงแม้ว่าคอมเพรสเซอร์จะทำงานปกติ ปัญหานี้มักเกิดจากรอยรั่วในระบบท่อส่งน้ำยา หรือการใช้งานเป็นเวลานาน ทำให้น้ำยาค่อยๆ หมดไป การแก้ไขต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญในการตรวจหารอยรั่ว ซ่อมแซม และเติมน้ำยาใหม่
พัดลมระบายความเย็นไม่ทำงาน
พัดลมระบายความเย็นทำหน้าที่หมุนเวียนอากาศเย็นจากคอยล์เย็นกระจายทั่วตู้เย็น เมื่อพัดลมไม่ทำงานหรือทำงานช้าลง อากาศเย็นจะไม่สามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง ทำให้บางส่วนของตู้เย็นเย็น บางส่วนกลับไม่เย็น สาเหตุอาจเกิดจากมอเตอร์พัดลมเสื่อมสภาพ สายพานขาด หรือมีสิ่งกีดขวางการหมุนของพัดลม ให้ลองตรวจสอบด้านหลังตู้เย็นว่ามีสิ่งกีดขวางหรือไม่ และฟังเสียงพัดลมว่าทำงานปกติหรือไม่ หากพบว่าพัดลมไม่ทำงาน ควรเรียกช่างมาซ่อมแซม
ประตูตู้เย็นปิดไม่สนิท หรือยางขอบเสื่อม
ประตูตู้เย็นที่ปิดไม่สนิทเป็นสาเหตุพื้นฐานที่ทำให้ตู้เย็นไม่เย็น เนื่องจากอากาศเย็นภายในรั่วไหลออกและอากาศร้อนจากภายนอกเข้าไปแทนที่ สาเหตุมักเกิดจากยางขอบประตูเสื่อมสภาพ แตกร้าว หรือสกปรกจนไม่สามารถยึดติดได้ดี ให้ตรวจสอบโดยใช้กระดาษบางๆ สอดระหว่างประตูและตัวตู้เย็น หากดึงกระดาษออกได้ง่ายแสดงว่าประตูปิดไม่สนิท วิธีแก้ไขคือทำความสะอาดยางขอบให้สะอาด หรือเปลี่ยนยางขอบใหม่หากพบรอยแตกร้าว
แผงระบายความร้อนสกปรก ฝุ่นเกาะเยอะ
แผงระบายความร้อนด้านหลังตู้เย็นทำหน้าที่คายความร้อนออกจากระบบ หากมีฝุ่นเกาะหนาหรือสกปรก จะทำให้การระบายความร้อนไม่ดี ส่งผลให้ระบบทำความเย็นทำงานได้ไม่เต็มที่ ตู้เย็นจึงไม่เย็นตามที่ควรจะเป็น วิธีแก้ไขคือทำความสะอาดแผงระบายความร้อนด้านหลังตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้แปรงขนอ่อนหรือเครื่องดูดฝุ่น ปัดฝุ่นออกให้หมด ควรทำความสะอาดทุก 3-6 เดือน เพื่อให้ตู้เย็นทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การตั้งอุณหภูมิไม่เหมาะสม
การตั้งอุณหภูมิตู้เย็นไม่เหมาะสมอาจทำให้รู้สึกว่าตู้เย็นไม่เย็น หากปรับอุณหภูมิสูงเกินไป ตู้เย็นจะไม่ทำความเย็นมากพอที่จะเก็บรักษาอาหารได้ดี การปรับค่าเทอร์โมสตัทในตู้เย็นแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกัน บางรุ่นใช้ตัวเลข 1-5 บางรุ่นใช้ระบบองศา ควรตรวจสอบคู่มือการใช้งานเพื่อปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม โดยทั่วไปตู้เย็นควรมีอุณหภูมิประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส และช่องแช่แข็งประมาณ -18 องศาเซลเซียส จึงจะเก็บรักษาอาหารได้อย่างปลอดภัย
เปิด–ปิดตู้เย็นบ่อยเกินไป ทำให้เสียความเย็น
การเปิดประตูตู้เย็นบ่อยเกินไปหรือเปิดทิ้งไว้นานๆ ทำให้อากาศเย็นไหลออก และอากาศร้อนจากภายนอกไหลเข้า ส่งผลให้อุณหภูมิภายในตู้เย็นสูงขึ้น และตู้เย็นต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิให้กลับสู่ระดับที่ตั้งไว้ พฤติกรรมนี้ทำให้ตู้เย็นทำความเย็นได้ไม่ดีและสิ้นเปลืองพลังงาน ควรคิดไว้ก่อนว่าต้องการหยิบอะไรออกจากตู้เย็น แล้วเปิดเพียงครั้งเดียว หยิบให้ครบ และปิดประตูให้สนิททุกครั้ง จะช่วยรักษาความเย็นและประหยัดพลังงานได้
วางของแน่นเกินไป อากาศเย็นไหลเวียนไม่ได้
การจัดวางอาหารในตู้เย็นแน่นเกินไปเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตู้เย็นไม่เย็น เนื่องจากอากาศเย็นไม่สามารถไหลเวียนได้อย่างทั่วถึง ทำให้บางจุดในตู้เย็นไม่ได้รับความเย็นเพียงพอ นอกจากนี้ การวางอาหารร้อนในตู้เย็นทันทีจะทำให้อุณหภูมิภายในตู้เย็นสูงขึ้น ควรเว้นระยะห่างระหว่างอาหารให้เพียงพอสำหรับการไหลเวียนของอากาศ ไม่วางอาหารปิดช่องระบายความเย็น และรอให้อาหารเย็นลงก่อนนำเข้าตู้เย็น จะช่วยให้ตู้เย็นทำความเย็นได้ดียิ่งขึ้น
ตู้เย็นมีน้ำแข็งเกาะหนามากเกินไป
การมีน้ำแข็งเกาะหนาที่คอยล์เย็นหรือผนังช่องแช่แข็งจะทำให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลง เนื่องจากน้ำแข็งเป็นฉนวนกั้นระหว่างคอยล์เย็นกับอากาศในตู้เย็น ส่งผลให้ตู้เย็นไม่เย็นเท่าที่ควร สาเหตุอาจเกิดจากการปิดประตูไม่สนิท ความชื้นสูงเกินไป หรือระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติทำงานผิดปกติ วิธีแก้ไขคือละลายน้ำแข็งด้วยการปิดตู้เย็น ถอดปลั๊ก และรอให้น้ำแข็งละลายเอง หรือใช้ไดร์เป่าผมช่วยเร่งกระบวนการ แต่ห้ามใช้ของมีคม แกะหรือเคาะน้ำแข็งออกเด็ดขาด
ระบบควบคุมอุณหภูมิเสีย
เทอร์โมสตัทเป็นอุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิในตู้เย็น ทำหน้าที่สั่งให้คอมเพรสเซอร์ทำงานเมื่ออุณหภูมิสูงกว่าที่ตั้งไว้ และหยุดทำงานเมื่ออุณหภูมิถึงระดับที่กำหนด หากเทอร์โมสตัทเสียหาย ตู้เย็นอาจไม่ทำงานเลยหรือทำงานตลอดเวลาโดยไม่หยุด แต่ก็ไม่เย็น สังเกตได้จากคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงานเลยหรือทำงานตลอดเวลาไม่มีจังหวะหยุด การแก้ไขต้องเปลี่ยนเทอร์โมสตัทใหม่ ซึ่งต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญดำเนินการ
วิธีแก้ไขตู้เย็นไม่เย็นเบื้องต้นด้วยตัวเอง
เราสามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้เองหลายวิธี ก่อนที่จะตัดสินใจเรียกช่างซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูง บางปัญหาสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ตรวจสอบปลั๊กไฟและเบรกเกอร์ว่าตู้เย็นได้รับไฟอยู่หรือไม่
- ตรวจสอบการตั้งค่าอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
- ทำความสะอาดยางขอบประตูด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ และเช็ดให้แห้ง
- ตรวจสอบการปิดประตูว่าสนิทหรือไม่ด้วยการใช้กระดาษสอดระหว่างขอบประตู
- ทำความสะอาดแผงระบายความร้อนด้านหลังตู้เย็น โดยใช้แปรงหรือเครื่องดูดฝุ่น
- จัดเรียงอาหารในตู้เย็นใหม่ ไม่ให้แน่นเกินไป เว้นช่องว่างให้อากาศไหลเวียน
- ละลายน้ำแข็งที่เกาะหนาในช่องแช่แข็ง โดยปิดตู้เย็นและถอดปลั๊ก
- ตรวจสอบพัดลมระบายความเย็นว่าทำงานปกติหรือไม่ โดยฟังเสียงหรือสังเกตการหมุน
- ย้ายตู้เย็นให้ห่างจากแหล่งความร้อน เช่น เตาหุงต้ม แสงแดด หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน
- รีเซตตู้เย็นโดยถอดปลั๊กทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วเสียบใหม่
วิธีดูแลรักษาตู้เย็นให้ใช้งานนาน
การดูแลรักษาตู้เย็นอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยป้องกันปัญหาตู้เย็นไม่เย็น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานและประหยัดพลังงานได้อีกด้วย การบำรุงรักษาเป็นประจำจะช่วยให้ตู้เย็นทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว มาดูวิธีดูแลรักษาตู้เย็นกัน
- ทำความสะอาดภายในตู้เย็นอย่างน้อยเดือนละครั้ง ด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชูหรือผงฟู
- ทำความสะอาดแผงระบายความร้อนด้านหลังตู้เย็นทุก 3-6 เดือน
- ตรวจสอบและทำความสะอาดยางขอบประตูเป็นประจำ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของความเย็น
- หลีกเลี่ยงการวางอาหารร้อนในตู้เย็นทันที ควรรอให้เย็นลงก่อน
- ไม่วางตู้เย็นติดผนังจนเกินไป ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 5-10 ซม. เพื่อการระบายความร้อนที่ดี
- หลีกเลี่ยงการวางตู้เย็นใกล้แหล่งความร้อน เช่น เตาไมโครเวฟ เตาหุงต้ม หรือบริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง
- ไม่เปิดประตูตู้เย็นทิ้งไว้นานเกินความจำเป็น
- ละลายน้ำแข็งในช่องแช่แข็งเมื่อเห็นว่ามีน้ำแข็งเกาะหนาเกิน 1/4 นิ้ว
- ตรวจสอบท่อระบายน้ำทิ้งไม่ให้อุดตัน
- หมั่นตรวจสอบอุณหภูมิภายในตู้เย็นด้วยเทอร์โมมิเตอร์ เพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม
ปัญหาตู้เย็นไม่เย็นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ปัญหาเล็กน้อยที่แก้ไขได้เองไปจนถึงปัญหาใหญ่ที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันปัญหาและยืดอายุการใช้งาน ประหยัดทั้งเงินในกระเป๋าและค่าผ่อนบ้านในระยะยาว หากตู้เย็นมีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี อาจถึงเวลาพิจารณาเปลี่ยนใหม่ให้ประหยัดพลังงาน สำหรับผู้ที่กำลังต้องการกู้ซื้อคอนโดและบ้าน สามารถเยี่ยมชมโครงการจาก CP Land ได้เลย