เมนู

บทความ

เช็กให้ชัวร์ก่อนโอนกับ 9 จุดตรวจคอนโดด้วยตัวเอง

เช็กให้ชัวร์ก่อนโอนกับ 9 จุดตรวจคอนโดด้วยตัวเอง

หากคุณกำลังวางแผนจะซื้อคอนโด ทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและเพื่อการลงทุน สิ่งสำคัญที่ต้องเช็กให้ถี่ถ้วนก็คือ การตรวจคอนโด ที่เป็นการยอมรับคุณภาพงานก่อสร้างโครงการจะส่งมอบให้กับเราก่อนที่จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งแต่ละโครงการจะเงื่อนไขในการตรวจคอนโดที่แตกต่างกันไปจึงต้องมีการศึกษาเงื่อนไขอย่างละเอียดก่อนเสมอ แต่ในบทความนี้ CP LAND จะขอเจาะลึกเกี่ยวกับการตรวจคอนโด ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมให้พร้อม และจุดที่ต้องเช็ก เพื่อให้คุณสามารถตรวจคอนโดได้อย่างละเอียด และได้ห้องที่มีความละเอียด เรียบร้อย รวมถึงตรงตามสเปคที่ควรจะเป็น แล้วจะมีจุดไหนหรือรายละเอียดอะไรที่คุณคิดไม่ถึงบ้าง ไปดูกันเลย

ทำไมถึงต้องใส่ใจกับการตรวจคอนโด

การตรวจคอนโด เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของห้องทุกคนควรจะให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นสิ่งที่จะส่งผลดีต่อตัวเจ้าของห้องในทุก ๆ ด้าน แล้วจะมีอะไรบ้าง ไปดูกัน

1. มั่นใจในความปลอดภัย

การตรวจคอนโดจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการอยู่อาศัยให้กับเจ้าของห้อง เพราะนอกจากการตรวจรับห้องจะช่วยให้คุณสามารถตรวจเช็กมาตรฐานการก่อสร้างต่าง ๆ เช่น เพดาน พื้น ประตู โครงสร้าง เป็นต้น ได้อย่างละเอียดแล้ว ยังช่วยให้คุณได้ตรวจเช็กระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในการอยู่อาศัยและการใช้งานได้อีกด้วย

2. รักษาสิทธิ์ของผู้บริโภค

เนื่องจากคอนโด เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาสูงไม่แพ้บ้าน ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราจำเป็นจะต้องรักษาสิทธิ์ของผู้บริโภคอย่างเต็มที่ ซึ่งการตรวจคอนโดก่อนโอนกรรมสิทธิ์อย่างรอบคอบ จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า คอนโดที่คุณซื้ออยู่ในสภาพสมบูรณ์และคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ ทั้งคุณภาพเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่ได้มาจากโครงการ มาตรฐานการก่อสร้าง และการดูแลหลังการขาย เป็นต้น

3. ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังจากเข้าอยู่

เนื่องจากการตรวจคอนโดอย่างละเอียดก่อนโอนกรรมสิทธิ์ จะช่วยให้คุณเห็นจุดบกพร่อง หรือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำงานของผู้รับเหมา ซึ่งในส่วนนี้ผู้รับเหมาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบและแก้ไขให้กับคุณ แต่หากคุณรับโอนมาเป็นเจ้าของโดยที่ไม่มีการตรวจห้อง และพบความเสียหาย หรือจุดที่เก็บงานไม่เรียบร้อยในภายหลัง การจะเข้าไปซ่อมแซมหรือแก้ไขก็จะทำได้ลำบากกว่า ไม่ว่าจะเป็น การที่ไม่สามารถติดต่อช่างได้ ช่างไม่มาตามนัด ไม่มีคิว ซ่อมแซมช้า เป็นต้น

อุปกรณ์ตรวจคอนโดที่ต้องเตรียมให้พร้อม

การตรวจห้องไม่จำเป็นต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจให้เสมอไป เพราะคุณสามารถตรวจคอนโดด้วยตัวเองได้ไม่ยาก เพียงแค่เตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อม ดังนี้

  • กระดาษ Post-It เพื่อนำมาใช้ในการจดรายละเอียด และแปะตามจุดต่าง ๆ ที่ต้องการแก้ไขหรือซ่อมแซม
  • ไขควงหรือสายชาร์จแบต เพื่อใช้ในการทดสอบระบบไฟ และเต้าเสียบในห้อง
  • เหรียญ สำหรับเคาะพื้น เพื่อทดสอบการปูกระเบื้อง
  • ลูกแก้ว สำหรับใช้ในการเช็กความลาดเอียงของพื้น โดยเฉพาะในพื้นห้องน้ำ
  • กล้องถ่ายรูป หรือสมาร์ตโฟน เพื่อถ่ายภาพเก็บรายละเอียดส่วนที่ต้องการแก้ไข และใช้เป็นหลักฐานว่ามีการชำรุดหรืออยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์จริง ๆ นอกจากนี้เมื่อเข้าไปตรวจห้องอีกครั้ง คุณก็จะสามารถเปรียบเทียบและเช็กได้ละเอียดมากขึ้นว่า จุดที่คุณถ่ายภาพไว้มีการแก้ไขแล้วจริงหรือไม่

9 ลิสต์รายการตรวจคอนโด เช็กตามนี้ไม่พลาดแน่นอน

เมื่อเตรียมอุปกรณ์ในการตรวจคอนโดด้วยตัวเองกันไปเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาของเช็กลิสต์รายการตรวจคอนโดที่ CP LAND รวมมาให้ โดยจะมีทั้งหมด 9 จุดด้วยกัน จะมีจุดไหนที่คุณพลาดไปบ้าง ไปดูกันเลย

1. พื้นห้อง

อันดับแรกให้เริ่มต้นด้วยการเช็กพื้นห้อง ซึ่งเป็นส่วนที่เท้าของเราต้องสัมผัสอยู่ตลอดเวลา โดยวิธีเช็กที่ง่ายที่สุดก็คือ การเดินลากเท้าให้ทั่วทั้งห้อง เพื่อเช็กว่ามีส่วนไหนที่ไม่เรียบสนิท เหมือนจะหลุดออกมา หรือพื้นบวมหรือไม่ และหากเป็นพื้นลามิเนตก็จะต้องเช็กให้ดีว่า ไม่มีรอยแตก บิ่น ปูนต้องแนบสนิท และเรียบเนียนเสมอกัน หากเป็นพื้นกระเบื้องก็จะต้องเทปูนให้แนบสนิท สามารถเช็กได้ด้วยการนำเหรียญมาเคาะบนพื้น ถ้าช่างเทปูนไม่เต็มกระเบื้อง ก็จะเกิดเสียงดังขึ้น

ในส่วนของพื้นห้องน้ำจะต้องมีการเช็กความลาดเอียง โดยให้นำลูกแก้วมาวางไว้ หากลูกแก้วกลิ้งหรือไหลไปทางใดทางหนึ่ง นั่นหมายความว่าพื้นห้องเอียง หรือจะลองเทน้ำลงบนพื้น เพื่อดูการไหลของน้ำ หากน้ำไหลช้ามากหรือมีน้ำขัง แสดงว่าพื้นห้องเอียงเช่นกัน ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาสำคัญที่จะต้องให้ช่างแก้ไข เพราะอาจส่งผลต่อการใช้งานได้ ในส่วนของยาแนวจะต้องเช็กให้ดีว่า มีการปูยาแนวเรียบร้อยหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาน้ำรั่วซึม

2. ผนัง เพดานห้อง

แม้ว่าผนัง และเพดานห้องจะเป็นจุดที่เช็กค่อนข้างยาก แต่ก็เป็นจุดที่ไม่ควรมองข้าม โดยควรจะเช็กว่า ผนังมีการฉาบปูนมาเรียบร้อยไหม มีรอยร้าวหรือเปล่า รวมถึงสีรอบ ๆ ห้องที่จะต้องเช็กว่าไม่มีการหลุดร่อน ปริแตก ผิวเป็นคลื่น หรือมีเม็ดสีนูนขึ้นมา ในส่วนของห้องที่มีการติดวอลล์เปเปอร์ จะต้องไม่มีรอยโปร่ง ยุบ บุบ หรือฉีกขาด ฝ้าเพดานจะต้องไม่มีรอยด่างหรือคราบรั่วซึม และที่สำคัญคือ อย่าลืมเช็กการเดินสายไฟฟ้าบนฝ้าให้เรียบร้อย

3. ระบบไฟทั่วห้อง

ให้เริ่มต้นด้วยการตรวจเต้าเสียบทุกจุดในคอนโด ด้วยไขควงหรือสายชาร์จโทรศัพท์ จากนั้นลองเปิด-ปิดไฟทุกดวงในห้องว่าสามารถใช้งานได้ปกติ เมื่อเปิดสวิตช์แล้วไฟเปิดทันที ไม่กะพริบ หรือติด ๆ ดับ ๆ นอกจากนี้ก็อย่าลืมเช็กมิเตอร์ไฟฟ้า โดยให้ลองปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด หากมิเตอร์ยังวิ่งอยู่แสดงว่ามีไฟรั่ว

4. ระบบน้ำ

ต้องตรวจเช็กระบบน้ำทุกจุด และทุกอุปกรณ์ ทั้งก๊อกน้ำ ฝักบัว สายชำระ และซิงค์ล้างจาน โดยให้เปิดน้ำพร้อมกันทุกจุด เพื่อทดสอบแรงดันน้ำว่าตกหรือไม่ อีกทั้งยังควรเช็กด้วยว่า อ่างล้างจาน อ่างล้างหน้า และชักโครกไร้รอยรั่วซึม ไม่มีกลิ่นเหม็น น้ำไหลดี ไม่อุดตัน

5. ระบบระบายน้ำ

ระบบระบายน้ำ เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด โดยควรจะเช็กจุดระบายน้ำทุกจุดว่า สามารถระบายน้ำได้ดี ท่อต้องไม่มีสิ่งสกปรกหรือเศษอิฐ เศษหินจากการก่อสร้างอุดตันอยู่ภายใน

6. ประตู ลูกบิด บานพับ ระเบียง หน้าต่าง

ประตูและลูกบิด เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในการอยู่อาศัย โดยควรจะเช็กว่าลูกบิดมีการติดตั้งแน่นหนา สามารถล็อกและปลดล็อกได้ตามปกติ เมื่อเปิดปิดประตูจะต้องไม่ติดขัด ไม่ฝืด และไม่มีเสียงดัง บานพับต้องเรียบ แนบสนิทกับประตูและวงกบ ส่วนหน้าต่างจะต้องปิดได้สนิท กระจกอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีรอยแตกร้าว รางเลื่อนไม่ฝืด และสิ่งสุดท้ายคือระเบียงห้อง ต้องเช็กความแข็งแรงของราวกั้น และความสูงต้องถูกต้องตามมาตรฐาน ต้องสามารถระบายน้ำได้ดี

7. เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่แถมมาให้

สำหรับคนที่ซื้อห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า จะต้องเปิดเช็กเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น พัดลมดูดอากาศ เครื่องดูดควัน เป็นต้น ว่าสามารถใช้งานได้ปกติ เฟอร์นิเจอร์อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน อีกทั้งยังต้องมีจำนวนและรูปแบบที่ถูกต้องตามที่ตกลงไว้กับโครงการ

8. บัวพื้น

บัวพื้นจะต้องติดตั้งให้แนบสนิทกับผนัง ไม่มีรอยแยกหรือเปิดออก โดยควรจะลองจับและตรวจเช็กดูทุกจุด

9. ระบบสายเคเบิ้ลทีวีในห้อง

ควรจะเช็กดูว่าสามารถใช้งานได้ปกติ และมีจำนวนตามที่ระบุไว้ในสัญญาหรือไม่ ซึ่งบางโครงการจะมีอุปกรณ์ตรวจสอบเตรียมไว้ให้คุณด้วย

เลือกคอนโดได้มาตรฐาน ไม่วุ่นวายกับการตรวจคอนโด ไว้ใจ CP LAND

และทั้งหมดนี้ก็คือ 9 เช็กลิสต์ตรวจคอนโดที่ CP LAND รวบรวมมาแนะนำให้กับคนที่ต้องการตรวจรับคอนโดด้วยตัวเอง ซึ่งรายละเอียดทั้ง 9 ข้อนี้จะช่วยให้คุณสามารถตรวจคอนโดรวมถึงบ้านเดี่ยวได้อย่างละเอียดโดยไม่ต้องเสียเงินจ้างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจเช็ก แต่หากคุณยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเช็กได้ถี่ถ้วนหรือไม่ ก็สามารถจ้างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจคอนโดได้เช่นกัน

สุดท้ายนี้หากคุณกำลังมองหาคอนโดทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด CP LAND ก็มีคอนโดคุณภาพดีบนทำเลศักยภาพให้คุณเลือกซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อการลงทุนหลากหลายโครงการ และสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเยี่ยมชมโครงการ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ผ่านช่องทางดังนี้