
หลายครัวเรือนอาจกำลังเผชิญกับบิลค่าไฟที่สูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ปัญหาค่าไฟแพงนี้สร้างความกังวลและส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน บทความนี้จะพาไปสำรวจถึงต้นตอของปัญหา พร้อมแนะนำแนวทางแก้ไขและลดค่าใช้จ่ายที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง เพื่อให้เราจัดการกับค่าไฟได้อย่างเข้าใจ
ค่าไฟแพงเกิดจากอะไร
การที่ยอดบิลค่าไฟสูงขึ้นกว่าปกติอาจมีที่มาจากปัจจัยที่เราคาดไม่ถึง ตั้งแต่เรื่องใกล้ตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ไปจนถึงปัจจัยภายนอกอย่างนโยบายด้านพลังงานของประเทศ การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้ จะช่วยในการวางแผนรับมือกับปัญหาค่าไฟแพงได้อย่างตรงจุดและยั่งยืน
เครื่องใช้ไฟฟ้าพัง มีไฟรั่ว
อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำรุดหรือมีอายุการใช้งานนานมักเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มิเตอร์ไฟเดินเร็วผิดปกติ เช่น คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานตลอดเวลา หรือตู้เย็นที่ยางขอบประตูเสื่อมสภาพทำความเย็นรั่วไหล นอกจากนี้ ระบบสายไฟภายในบ้านที่เก่าและอาจมีไฟรั่ว ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานโดยไม่รู้ตัว ส่งผลโดยตรงให้หน่วยการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นและเผชิญกับภาวะค่าไฟแพงในที่สุด
พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า
กิจวัตรประจำวันในการใช้พลังงานมีผลอย่างยิ่งต่อค่าไฟ การเปิดไฟทิ้งไว้ในห้องที่ไม่มีคนอยู่ การเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าค้างไว้แม้ปิดเครื่องแล้ว หรือการใช้งานอุปกรณ์ที่กินไฟสูงพร้อมกันเป็นเวลานาน ล้วนเป็นพฤติกรรมที่สะสมจนกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในแต่ละเดือน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถช่วยลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น และเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการควบคุมปัญหาค่าไฟแพง
ค่า Ft ขยับสูงขึ้น
ค่า Ft หรือ ค่าไฟฟ้าผันแปร เป็นต้นทุนที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้ใช้ไฟฟ้าโดยตรง โดยจะปรับเปลี่ยนทุก 4 เดือนตามราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า เช่น ก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน เมื่อราคาเชื้อเพลิงในตลาดโลกสูงขึ้น ค่า Ft ก็จะปรับเพิ่มตามไปด้วย ทำให้แม้เราจะใช้ไฟฟ้าในปริมาณเท่าเดิม แต่ยอดรวมในบิลค่าไฟกลับสูงขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดสถานการณ์ค่าไฟแพงทั่วประเทศ
ส่วนประกอบของบิลค่าไฟที่ใช้ในการคำนวณค่าไฟ
เพื่อให้เข้าใจที่มาของตัวเลขในบิลค่าไฟอย่างถ่องแท้ เราจำเป็นต้องรู้จักส่วนประกอบหลักที่นำมาใช้ในการคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมด การแยกแยะองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมว่ายอดเงินที่ต้องชำระมาจากส่วนใดบ้าง และปัจจัยใดที่มีผลต่อการปรับขึ้นหรือลงของค่าไฟในแต่ละรอบบิล
1. ค่าพลังงานไฟฟ้า (ค่าไฟฐาน)
ค่าพลังงานไฟฟ้า หรือ ค่าไฟฐาน เปรียบเสมือนต้นทุนหลักของการผลิตและจัดส่งไฟฟ้า ซึ่งกำหนดโครงสร้างมาจากราคาเชื้อเพลิง นโยบายการรับซื้อไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายด้านระบบส่ง-จำหน่าย โดยจะมีการทบทวนโครงสร้างนี้ทุก 3-5 ปี ปัจจัยอย่างอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และต้นทุนการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนหรือการนำเข้าเชื้อเพลิง ล้วนส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนค่าไฟฐานให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในขณะนั้น
2. ค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft)
ค่า Ft คือค่าไฟฟ้าที่ปรับเปลี่ยนตามต้นทุนเชื้อเพลิงและการซื้อไฟฟ้าที่ผันผวน ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลจะพิจารณาปรับปรุงทุก 4 เดือน เพื่อให้ค่าไฟฟ้าสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ณ เวลานั้น ๆ โดยค่า Ft จะถูกนำมาบวกหรือลบออกจากค่าไฟฐาน ทำให้ค่าไฟฟ้ามีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์ราคาพลังงานโลก เมื่อรวมกับค่าบริการและภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็จะกลายเป็นยอดสุทธิที่เราต้องชำระในแต่ละเดือน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าไฟแพงขึ้นได้
3. ค่าบริการรายเดือน
ค่าบริการรายเดือนคือต้นทุนการดำเนินงานของผู้ให้บริการไฟฟ้า ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการจดบันทึกหน่วยการใช้ไฟ การจัดพิมพ์และจัดส่งบิลค่าไฟ รวมถึงการบริหารจัดการระบบรับชำระเงินและศูนย์บริการลูกค้า โดยมีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นผู้ควบคุมอัตราค่าบริการนี้ให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟฟ้าทุกคน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายมาตรฐานที่ถูกกำหนดใช้มาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาคุณภาพการบริการ
4. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
นอกจากค่าใช้จ่ายหลักและค่า Ft แล้ว ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตราร้อยละ 7 ซึ่งจะถูกคิดคำนวณจากยอดรวมของค่าพลังงานไฟฟ้า ค่า Ft และค่าบริการรายเดือน ดังนั้น เมื่อองค์ประกอบค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ปรับตัวสูงขึ้น ยอดภาษีที่ต้องชำระก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย และส่งผลโดยตรงต่อยอดสุทธิในบิลค่าไฟ
วิธีลดและแก้ปัญหาค่าไฟแพง
แม้เราจะไม่สามารถควบคุมปัจจัยภายนอกได้ทั้งหมด แต่เราสามารถจัดการกับปัญหาค่าไฟแพงได้ด้วยตนเองผ่านการปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน การเริ่มต้นจากสิ่งใกล้ตัวและลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีแนวทางที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที
ตรวจเช็กเครื่องใช้ไฟฟ้า
เริ่มต้นด้วยการสำรวจว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมีอุปกรณ์ใดที่เก่าหรือทำงานผิดปกติหรือไม่ เช่น เครื่องปรับอากาศที่ไม่ให้ความเย็น หรือตู้เย็นที่คอมเพรสเซอร์ไม่ตัดการทำงาน อุปกรณ์เหล่านี้มักใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าที่ควรจะเป็น การซ่อมแซมหรือพิจารณาเปลี่ยนไปใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะช่วยลดการใช้พลังงานส่วนเกินได้อย่างชัดเจน และช่วยบรรเทาปัญหาค่าไฟแพงลงได้
เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งาน
พฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ ควรสร้างนิสัยปิดไฟทุกครั้งเมื่อไม่อยู่ในห้อง และถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ชาร์จต่าง ๆ เมื่อใช้งานเสร็จสิ้น เนื่องจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางชนิดยังคงดึงกระแสไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลาแม้จะอยู่ในโหมดสแตนด์บาย (Standby Mode) การลดการใช้พลังงานแฝงเหล่านี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้มากกว่าที่คิด
ตั้งค่าแอร์ให้ประหยัดพลังงาน
เครื่องปรับอากาศเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสูง การตั้งค่าอุณหภูมิที่ 25 องศาเซลเซียสขึ้นไป และเลือกใช้โหมดประหยัดพลังงาน (Eco Mode) จะช่วยให้คอมเพรสเซอร์ไม่ต้องทำงานหนักตลอดเวลา นอกจากนี้ การเปิดพัดลมช่วยกระจายความเย็นควบคู่กันไป ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกสบายตัวโดยไม่จำเป็นต้องลดอุณหภูมิให้ต่ำลง ซึ่งจะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้อย่างมาก
ใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟ
การลงทุนเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการประหยัดพลังงานโดยเฉพาะจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาว เช่น การเปลี่ยนหลอดไฟแบบเก่ามาเป็นหลอดไฟ LED ซึ่งให้ความสว่างเท่าเดิมแต่ใช้ไฟน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ ๆ ที่มีเครื่องหมายรับรองฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่บ่งบอกถึงการใช้พลังงานที่ต่ำลง
ดูแลและบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ
การบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เช่น การล้างทำความสะอาดแผ่นกรองและคอยล์ร้อนของเครื่องปรับอากาศอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรือการทำความสะอาดแผงระบายความร้อนด้านหลังตู้เย็น และไม่วางของจนแน่นเกินไป พฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยให้อุปกรณ์ทำงานได้เต็มความสามารถโดยไม่สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น
ติดตั้งโซลาร์เซลล์
สำหรับบ้านที่มียอดการใช้ไฟฟ้าสูง โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวัน การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์เซลล์ ถือเป็นการลงทุนที่ช่วยลดภาระค่าไฟในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน โดยระบบจะผลิตไฟฟ้าให้เราได้ใช้งานเองโดยตรง ลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากสายส่ง และช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเมื่อเวลาผ่านไป
ค่าไฟแพงผิดปกติ สามารถร้องเรียนได้ที่ไหน
หากตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่าค่าไฟยังคงสูงผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือสงสัยว่ามิเตอร์ไฟฟ้าอาจทำงานผิดพลาด เราสามารถติดต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อแจ้งเรื่องให้เข้ามาตรวจสอบได้โดยตรง ซึ่งมีช่องทางการติดต่อที่แตกต่างกันไปตามพื้นที่ให้บริการดังนี้
- กรุงเทพฯ และปริมณฑล แจ้งเรื่องผ่านการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่เว็บไซต์ http://www.mea.or.th หรือ Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 1130
- จังหวัดอื่น ๆ แจ้งเรื่องผ่านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่เว็บไซต์ https://complaint.pea.co.th หรือ Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 1129
ปัญหาค่าไฟแพงเกิดได้จากทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า พฤติกรรม และค่า Ft ที่ปรับสูงขึ้น การทำความเข้าใจองค์ประกอบของบิลค่าไฟและปรับเปลี่ยนการใช้งาน จะช่วยให้เราควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการบริหารจัดการค่าครองชีพในระยะยาว สำหรับผู้ที่สนใจโครงการที่พักอาศัยที่ใส่ใจในรายละเอียดและมีมาตรฐาน ลดปัญหาค่าใช้จ่ายในการซ่อม สามารถเข้าไปเยี่ยมชมโครงการพาร์ค คอนโด ดรีม ปราจีนบุรีและโซลวานี รามอินทราจาก CP Land ได้เลย